กลเม็ด....เคล็ดลับ การฝึกงาน-ทดลองงานทะลุสู่ความสำเร็จ
โดย  คุณชยุต  เวียงอำพล

 



"การฝึกงาน...ครั้งแรกในชีวิต"น้องๆ ในที่นี้คงเคยรู้จักคำว่า “ครั้งแรก” กันมาบ้างแล้ว ใช่ไหมครับ ขอยกตัวอย่าง เช่น ได้พบเจอเพื่อน ที่เราอยากคบหาด้วย...เป็นครั้งแรก แบบว่าใช่เลย หรือคิดว่าคนๆ นี้ คือเพื่อนสนิทของฉัน...ที่เราเฝ้าตามหา มานาน แสนนาน เคยรู้สึกแบบนี้ กันบ้างรึป่าว...(หรือชีวิตนี้ ยังไม่มีใครคบ) ก็เหมือนชีวิตในการทำงาน...ที่ผมเองได้มีโอกาสครั้งแรกในชีวิต ที่ทำในสิ่ง ที่คนอื่นๆ อาจมองว่าเราไม่สามารถทำได้ นั้นคือ “การฝึกงาน...เพื่อหาความรู้และประสบการณ์ด้วยตัวเอง” แถมบางที่ให้เบี้ยเลี้ยงด้วย

น้องๆ คงลืมครั้งแรก ที่เราแบมือขอเงิน พ่อ-แม่ ซื้อโน้น ซื้อนี่ แต่ยังจำได้เสมอว่าเมื่อไร ที่เราต้องการอะไร พ่อกับแม่ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ หรือแสวงหามาให้ ตามที่เราร้องขอ (ส่วนใหญ่นะ) แต่พอเข้าสู่วัยเรียน ในระดับที่สูงขึ้น ต้องมีช่วงเวลาฝึกหรือทดลองงาน ชีวิตของการทำงาน มันไม่เหมือนกับการเรียนในระยะแรกๆ เพราะการทำงานจะฝึกให้เรา รู้จักระเบียบ วินัย แบบแผน รวมทั้งฝึกทักษะในความชำนาญเรื่องงาน และอีกอย่างหนึ่ง ที่เราได้มาโดยไม่ได้ขอ คือ “การได้เพื่อนร่วมงาน”

คนแรกในชีวิตการทำงานของผมเอง ย้อนไป 10 กว่าปี  เธอเป็นผู้หญิงครับ  เธอทั้งสาว ทั้งสวย แถมยังเก่งอีกต่างหาก แบบว่าครบสูตร พร้อม (สู่ขอ) ใช้งานได้เลย  โดยเธอผู้นั้น จะเป็นพี่เลี้ยง หรือเป็นคนที่มาช่วยถ่ายทอดงานให้ทุกอย่าง เพราะเห็นว่าเป็นเด็กใหม่ หรือน้องใหม่ในที่ทำงานนั้นเอง น้องๆ ส่วนใหญ่เคยใช้เครื่อง FAX, เครื่องถ่ายเอกสาร, เครื่อง SCAN หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ กันมาบ้างแล้ว เมื่อ 10 กว่าปีก่อน  ของพวกนี้เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับผมนะ....เห็นครั้งแรกยังงง ว่าเครื่องพวกนี้ สามารถทำอะไรได้บ้าง...ปุ่มเยอะไม่หมด มีแต่ตัวเลข และภาษาอังกฤษ  คงไม่เหมือนสมัยนี้ ที่น้องๆ ทุกคนเห็นปุ๊บ ก็ร้องอ๋อ...ว่าง่าย ยิ่งกว่าปลอกกล้วยให้ลิงซะอีก อย่างที่บอกครับ..ผมได้เธอคนนั้น มาช่วยสอน ในการส่งแฟกซ์, การถ่ายเอกสาร และการใช้คอมพิวเตอร์หลายๆ โปรแกรมพื้นฐาน เห็นไหมครับว่า...การที่เรายังไม่พร้อมที่จะทำงาน...แต่เมื่อเราได้โอกาสทำงาน มันก็ต้องเรียนรู้ เพื่อสามารถทำงานต่อไปได้ น้องๆ ถือว่าโชคดีมากนะครับ ที่ทางสถาบันมองเห็นถึงความสำคัญในการ “เตรียมความพร้อมสู่โลกทำงาน”  เพราะการที่เราได้เตรียมตัวล่วงหน้า หรือเตรียมพร้อมไว้ มันจะทำให้เราทำงานได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ แปลว่า กว่าผมจะปรับตัวได้ก็เล่นเอาเหนื่อย...แต่ก็สนุก (อย่าท้อนะครับ) แถมได้เบี้ยเลี้ยงไว้เป็นค่าเดินทาง ค่าขนม โดยไม่ต้องเดือดร้อนทางบ้านด้วย

อีกอย่างหนึ่งที่อยากฝากน้องๆ ไว้นะครับ คือเรื่อง “การเคารพผู้ใหญ่” หรือการวางตัว เรายังเด็กใหม่ ถึงแม้เราเคยไปฝึกงาน หรือทดลองงานมาแล้ว ก็ต้องระลึกเสมอว่า เด็กควรเคารพผู้ใหญ่กว่าเสมอ  เพราะในสังคมของคนทำงาน  “ไม่มีคนเก่งที่ไหน จะอยู่ได้ ถ้าไม่เคารพผู้หลัก ผู้ใหญ่”  รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานด้วย.......”ยิ่งเราเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในบริษัท การทำงานเราก็จะราบรื่นขึ้น”

น้องๆ หลายๆ คนที่พึ่งจบการศึกษา ไม่ว่าระดับใดก็ตาม ล้วนเคยผ่านการทดลองงาน หรือผ่านการฝึกงานมาแล้วทั้งสิ้น และคงมีไม่มาก ที่สามารถผันตัวเองเข้าไปเป็น หนึ่งในสมาชิกของบริษัทนั้น อย่างที่ตั้งใจไว้ (รึป่าว) เพราะบางคนมาฝึกงาน อาจคิดเพียงว่ามาเพื่อเอาประสบการณ์ก็มี เพื่อให้ได้ชั่วโมงตามที่ทางสถาบันต้องการก็เยอะ ร้อยทั้งร้อย มักจะเลือกไปสมัครงาน ตามที่ตัวเองฝัน และใฝ่หาอยู่เสมอ แต่หารู้ไม่ การที่เราได้มีโอกาส  เข้าไปสัมผัสองค์กรที่ใหญ่ และมั่นคง เป็นหนทางที่เราสามารถพิสูจน์ฝีมือ ให้เป็นที่ประจักษ์ อีกทั้งเรายังได้ซึมซับถึงวัฒนธรรมองค์กร เข้าไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้เราง่ายต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่น นั้นหมายความว่า “เราไม่มีทางกดดันอย่างแน่นอน” เพราะในสายตาของเพื่อนร่วมงาน เราเป็นเพียงแค่นักศึกษาที่เข้ามาฝึกงาน ช่วยงานเท่านั้น การทำงานในบริษัทอาจเกิดความผิดพลาดในงาน แต่ความผิดนั้น จะได้รับการแก้ไข และชี้แนะจากผู้ที่มากประสบการณ์เสมอ อีกทั้งยังทำให้เราได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งจะได้เปรียบคนที่เข้าไปสมัครงานครั้งแรก และต้องผ่านการทดลองงาน หากมีอะไรผิดพลาด นั้นหมายความว่า เค้าอาจหมดอนาคตกับบริษัทนั้น ก็เป็นได้

ข้อดีอีกประการหนึ่ง คือ เราอาจเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ หากมีตำแหน่งงานใด งานหนึ่งว่างขึ้น หัวหน้างานหรือพี่เลี้ยงที่ช่วยสอนงงาน จะเป็นผู้นำเสนอให้รับเราเข้าทำงาน ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในงาน ที่เราได้มีโอกาสแสดงฝีมือ มาก่อนหน้านี้แล้ว.... เห็นไหมครับว่า ควรตั้งใจฝึกงาน หรือทดลองงาน ให้เต็มความสามารถ เรียนรู้ให้เยอะ ติดขัดอะไร สงสัยตรงไหน ต้องกล้าที่จะถาม กล้าที่จะแสดงออก เพราะเด็กสมัยนี้ ยังขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และถ้าคิดว่าบริษัทที่เราเลือกมาฝึกงานอยู่ จะเป็นที่ ที่จะสร้างรากฐานอนาคตในการทำงาน ก็อย่ามัวกลัวอะไรทั้งนั้น สู้ๆ อย่าถอยนะครับ

มีคำถามกันมามากมายว่า “ทำอย่างไร ให้ได้งาน” คงไม่ต้องตอบอะไรไปมากกว่า หากสถานที่แรก ที่เราไปฝึกงาน หรือทดลองงาน เค้ายังไม่ต้องการเรา หรือไม่มีการยื่นข้อเสนอมาให้ หลังที่เราจบการศึกษา นั้นหมายความว่า “เรายังดีไม่พอ” และอะไรที่เรายังไม่ดีพอ สำหรับองค์กรนั้น ตัวน้องๆ น่าจะรู้ดีที่สุด เพราะในช่วงเวลาที่ฝึกงาน 1-3 เดือนนั้น  น้องๆ ได้แสดงความจำนงออกไปแล้ว ในรูปของการทำงาน จึงขอแนะนำว่า “จงตั้งใจทำงาน เต็มความสามารถที่เรามี” ทักษะด้านอื่นๆ เราสามารถไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ เพราะการทดลองงานเป็นโอกาสแรก ที่น้องๆ จะได้ไม่ต้องไป ยื่นใบสมัคร แต่งตัวไปสัมภาษณ์ ที่แล้ว ที่เล่า มันน่าจะง่ายกว่ากัน เยอะเลย ที่เราสามารถทำให้มันจบในที่ๆ เดียว  จริงไหมครับ

 

The best way to predict the future is to invent it.

“วิธีที่ดีที่สุดในการทำนายอนาคตก็คือ การสร้างมันขึ้นมา”

Alan Kay

 

“ทำตามหน้าที่แล้วมีปัญหา ยังดีกว่ามีปัญหาเพราะไม่ทำตามหน้าที่”

(วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม)

 

“คนที่รู้จักถามนั้นโง่อยู่ชั่วนาที   คนที่ไม่ถามจะโง่ตลอดไป”

“จุดหมายของการดื่มเหล้าเมา ไม่ใช่ยี่ห้อของสุรา จุดหมายของการศึกษา คือความรู้ที่ได้มาไม่ใช่สถาบัน”

“หนึ่งก้าวที่ยาวไกล อาจหวั่นไหวและล้มลง หนึ่งก้าวที่มั่นคง แม้จะสั้นแต่มั่นใจW

“ไม่มีคำว่าแพ้หากว่าเราได้เริ่ม ไม่มีคำว่าอยู่ที่เดิมหากเราได้ค้นหา

ไม่มีคำว่าเป็นที่หนึ่งหากยังต้องพึ่งพา ไม่มีคำว่าดีกว่าหากว่าเราไม่ตั้งใจ”

“มีเพียงคนที่เชื่อมั่นในตนเองเท่านั้น ที่จะได้รับความเชื่อมั่นจากผู้อื่น”

“อย่ามองคนที่แย่กว่า จงเลือกมองคนที่ประสบความสำเร็จ”

“เวลา มันทำหน้าที่ของมันไม่เคยหยุด หากเราหยุดก็เหมือนไม่มีเวลาให้แก้ตัว”

“ความสุขของคน ไม่ใช่ที่รวยที่สุด แต่เป็นความรู้ที่เราแสวงหาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด”




จ็อบดีเอสที สมัครงาน หางาน หางานดี งานราชการ งานบัญชี งานนอกเวลา งานอิสระ งานบริษัท มหาชน เอกชน รัฐวิสาหกิจ บรรษัท ค้นหาคนค้นหางาน ค้นหาพนักงาน รับสมัครงาน รับสมัครพนักงาน ค้นหาคนดี ค้นหาคนเก่ง แหล่งรวบรวมข้อมูล บริษัทชั้นนำ คนหางานทั่วประเทศ จ๊อบดีเอสที