ทุนการศึกษา กับ ภาษี เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ!!!
สวัสดีท่านผู้อ่านในเดือนกันยายนครับ เดือนที่ผ่านมานี้เรียกได้ว่าฝนตกวันเว้นวัน บางวันก็ตกไม่เว้นทั้งวัน เรียกว่าเปียกปอนกันได้ทั่วถึงเชียวแหละ ยังไงก็ระวังเรื่องสุขภาพกันหน่อยนะครับ ทั้งไข้หวัด ทั้งอากาศเปลี่ยนแปลงแบบนี้ เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาจะลำบากไปกันใหญ่ แหม่.. พูดแล้วก็เริ่มมึนๆขึ้นมาเหมือนกันแล้วล่ะคร้าบบ
เอาล่ะครับ... สำหรับเดือนนี้เรายังคงพูดคุยถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ของพนักงานกันต่อ แต่ครั้งนี้จะเป็นเรื่องของทุนการศึกษากันบ้าง เพราะบางบริษัทฯอาจมีทุนการศึกษาให้เราได้เบิกใช้ ใครอยากจะเรียนต่อที่ไหนก็สามารถมาขอเบิกทุนได้เป็นประจำ แต่ที่น่าสงสัยคือ แล้วทุนที่ได้มานั้น พนักงานเองต้องเสียภาษีหรือเปล่า และบริษัทเองต้องถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายได้หรือเปล่า จะหักลดหย่อนได้สองเท่าตามกฎหมายหรือไม่ ต้องมีสัญญาทาส เอ๊ยสัญญาผูกมัดอะไรยังไงเต็มไปหมดด้วยหรือเปล่า โอ๊ยยย พูดแล้วมันน่าสงสัยไปหมดนะเนี่ยยย
ถ้าเป็นแบบนี้ เรามาเริ่มต้นดูกันที่วิธีการพิจารณากันทีละหัวข้อเลยดีกว่าครับ...
1.คำถามแรก คือ การให้ทุนการศึกษานั้น มีการสร้างผลประโยชน์ให้แก่กิจการในอนาคตหรือไม่ คำถามนี้เราต้องถามเพื่อให้แน่ใจก่อนครับว่า “ทุนที่ให้นั้นเป็นทุนอะไร” และพนักงานเรียนไปแล้วได้อะไร “กลับมา” เพื่อสร้างผลงานให้กับทางกิจการบ้างหรือเปล่า เช่น ถ้าพนักงานบัญชีอยากจะไปเรียนต่อปริญญาโทด้านบัญชี เพื่อนำมาพัฒนาให้กิจการมีประสิทธิภาพในการจัดการมากขึ้น กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับกิจการโดยตรง แต่ถ้าอยู่ดีๆ ฝ่ายจัดซื้อขอไปเรียนทำอาหาร ถ้าเป็นแบบนี้กิจการคงจะไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงเป็นแน่แท้
2.คำถามต่อมา คือ มีระเบียบปฎิบัติชัดเจนแค่ไหน ฝ่ายบุคคลอย่างเราๆ คงต้องสำรวจดูบ้างว่า มีเงื่อนไขอย่างไร หรือมีแนวทางที่ให้ทุนการศึกษาโดยไม่เลือกปฎิบัติหรือเปล่า ซึ่งรายละเอียดต่างๆเหล่านี้ต้องระบุไว้ในนโยบายการดำเนินงานของกิจการไว้อย่างชัดเจนนะครับ
คำถามสองข้อนี้เป็น คำถามเบื้องต้น เพื่อตรวจสอบว่า “เงินที่ให้นั้นก่อให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินงานของกิจการ” เพื่อไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร มิฉะนั้นอาจจะเป็นปัญหาว่าทุนที่ให้มานั้นเป็นเพียงแค่เงินได้โดยเสน่หา และไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ ซึ่งทำให้ไม่สามารถนำมาเป็นรายจ่ายของกิจการได้ครับ
สำหรับเรื่องของสัญญาหรือไม่มีสัญญานั้น สิ่งสำคัญที่เราต้องพิจารณาคือ ระเบียบของบริษัทกำหนดชัดเจนไว้ว่าอย่างไร ถ้าหากไม่มีสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร ก็ต้องเบิกจ่ายโดยการใช้หลักฐานค่าเล่าเรียนของพนักงาน แต่ไม่สามารถให้ลอยๆได้โดยไร้หลักฐาน เพราะมันจะกลายเป็นรายจ่ายต้องห้ามที่บริษัทไม่สามารถถือเป็นรายจ่ายได้ เนื่องจากพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ และเกี่ยวข้องกับกิจการได้อย่างไร
ส่วนเรื่องการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้ในการส่งลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรม ที่ทำให้กิจการมีสิทธิหักเป็นค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวน 2 เท่า ของค่าใช้จ่ายนั้น ต้องเป็นการส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษาที่ทางราชการของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นหรือสถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน สถาบันอุดมศึกษา-เอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานเฉพาะที่มีฐานะเป็นมูลนิธิ สมาคม บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือนิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ และการให้บริการการศึกษาหรือฝึกอบรมต้องเป็นการศึกษาหรือฝึกอบรมในประเทศไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพ ความรู้ความสามารถ ทักษะ ฝีมือของลูกจ้างให้สูงขึ้นเท่านั้นครับ ซึ่งถ้าหากไม่เข้าข่ายนี้ก็ไม่สามารถที่จะหักลดหย่อนได้ 2 เท่าเช่นเดียวกัน ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 437) ครับ
สุดท้ายนี้หากท่านผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัย ข้อแนะนำหรือข้อติชมใดๆ ที่อยากเสนอแนะให้เขียนเรื่องไหนเป็นพิเศษ สามารถแวะมาพูดคุยได้ที่หน้า Facebook Fanpage ของ @TAXBugnoms ที่ Facebook.com/TAXBugnoms ได้ตลอด 24 ชั่วโมงคร้าบ
ที่มา : วารสารเอกสารภาษีอากร
JobDST Job จ็อบดีเอสที สมัครงาน งาน หางาน หางานดี งานราชการ งานบัญชี งานนอกเวลางานอิสระ งานบริษัท มหาชน เอกชน รัฐวิสาหกิจ บรรษัท ค้นหาคนค้นหางาน ค้นหาพนักงานรับสมัครงาน รับสมัครพนักงาน ค้นหาคนดี ค้นหาคนเก่ง แหล่งรวบรวมข้อมูล บริษัทชั้นนำคนหางานทั่วประเทศ