นายจ้างมีหน้าที่อย่างไร...ในการประกันสังคม

 


ในกฎหมายประกันสังคมนั้น ได้กำหนดหน้าที่ของนายจ้างไว้หลายประการ ซึ่งหน้าที่ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลากำหนดไว้ให้ต้องปฎิบัติ การที่นายจ้างหลงลืมหรือมีเจตนาจะหลีกเลี่ยงฝ่าฝืนหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด นายจ้างก็จะมีความผิด ซึ่งมีทั้งโทษอาญาและโทษทางแพ่ง

“นายจ้าง” มีหน้าที่ตามกฎหมายประกันสังคมนั้น หมายถึงใครบ้าง...
กฎหมายประกันสังคมได้กำหนดความหมายของนายจ้างว่าหมายถึง “ผู้ซึ่งรับลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้าง และให้หมายความรวมถึง ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนนายจ้าง ในกรณีที่นายจ้างเป็นนิติบุคคล ให้มีความหมายรวมถึง ผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล และผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลให้ทำการแทนด้วย

“ลูกจ้าง” ซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้นายจ้างต้องมีหน้าที่ตามกฎหมายประกันสังคม หมายถึงใคร...
“ลูกจ้าง” หมายถึง ผู้ซึ่งทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้างไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร แต่ไม่รวมถึงลูกจ้างซึ่งทำงานเกี่ยวกับงานบ้าน อันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในบังคับของกฎหมายประกันสังคม
หน้าที่ของนายจ้าง ตามกฎหมายประกันสังคมมีอะไรบ้าง

  1. ขึ้นทะเบียนนายจ้าง : เมื่อใดก็ตามที่นายจ้างมีลูกจ้างในกิจการตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป นายจ้างมีหน้าที่ต้องยื่นแบบขึ้นทะเบียนนายจ้างซึ่งเรียกว่า สปส.1-01 และยื่นแบบแสดงรายชื่อ ลูกจ้าง หรือแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนว่า แบบ สปส.1-03 เพื่อให้ลูกจ้างได้เป็นผู้ประกันตน

    กฎหมายประกันสังคมได้กำหนดคุณสมบัติของลูกจ้างที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขึ้นทะเบียนนายจ้างและนายจ้างไม่ต้องยื่นแบบรายชื่อให้ลูกจ้างเป็นผู้ประกันตน ดังนี้

    ประการแรก คือ ต้องเป็นลูกจ้างที่ไม่ได้รับการยกเว้นตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 4 พระราชบัญญติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ได้แก่ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้งชั่วคราว รายวัน และลูกจ้างชั่วคราว รายชั่วโรงของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น ฯลฯ

    ประการที่สอง คือ  ลูกจ้างต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ เว้นแต่ในกรณีที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ยังคงทำงานในสถานประกอบการเดิมอยู่ต่อไปอย่างต่อเนื่อง บุคคลดังกล่าวก็จะต้องเป็นผู้ประกันตนต่อไป

  2. จ่ายเงินสมทบในส่วนของนายจ้าง : กฎหมายประกันสังคมกำหนดให้มีกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งเรียกว่า “กองทุนประกันสังคม” โดยให้นายจ้างผู้ประกันตนและรัฐบาลเป็นผู้จ่ายสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม

  3. หน้าที่หักค่าจ้างของลูกจ้างเท่ากับจำนวนที่ต้องนำส่งเป็นเงินสมทบ : ทุกครั้งที่นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้าง กฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องหักค่าจ้างของลูกจ้างเท่ากับจำนวนที่ต้องนำส่งเป็นเงินสมทบ

  4. หน้าที่รับผิดใช้เงินสมทบในส่วนของผู้ประกันตน : กรณีที่นายจ้างไม่ได้หักค่าจ้างของผู้ประกันตนไว้หรือนายจ้างหักเงินค่าจ้างของลูกจ้างไว้แล้วแต่ไม่ได้นำส่ง หรือส่งไม่ครบจำนวนตามที่หักไว้ จะมีผลต่อนายจ้างและผู้ประกันตน (นายจ้างต้องรับผิดในจำนวนเงินสมทบที่นายจ้างยังมิได้นำส่งกองทุน  และเงินเพิ่มของเงินสมทบที่ยังไม่ได้นำส่งเข้ากองทุน)

  5. นำส่งเงินสมทบ : เมื่อนายจ้างหักเงินค่าจ้างของลูกจ้างไว้แล้ว นายจ้างจะต้องนำเงินสมทบในส่วนของผู้ประกันตนที่นายจ้างได้หักไว้นั้น รวมทั้งเงินสมทบในส่วนที่นายจ้างต้องจ่ายสมทบเข้ากองทุนตามจำนวนที่เท่ากับเงินสมทบของลูกจ้าง นำส่งสำนักงานประกันสังคมภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่หักเงินสมทบไว้ โดยนายจ้างต้องกรอกแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบคือ แบบ สปส.1-10 (ส่วนที่ 1 และ 2) และแบบ สปส.1-10/1 ให้ถูกต้องครบถ้วน



JobDST Job จ็อบดีเอสที สมัครงาน งาน หางาน หางานดี งานราชการ งานบัญชี งานนอกเวลางานอิสระ งานบริษัท มหาชน เอกชน รัฐวิสาหกิจ บรรษัท ค้นหาคนค้นหางาน ค้นหาพนักงานรับสมัครงาน รับสมัครพนักงาน ค้นหาคนดี ค้นหาคนเก่ง แหล่งรวบรวมข้อมูล บริษัทชั้นนำคนหางานทั่วประเทศ